วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

คำสอนว่าด้วยรัก :ท่าน ติช นัท ฮันห์ 1


คำสอนว่าด้วยรัก :ท่าน ติช นัท ฮันห์     

พรหมวิหารสี่

ความสุขเกิดขึ้นจากความรักที่แท้จริงเท่านั้น ความรักที่แท้มีพลังในการเยียวยา และแปรเปลี่ยนสถานการณ์รอบ ๆ ตัวเรา นำพาความหมายล้ำลึกมาสู่ชีวิต มีคนที่เข้าใจพลังของรักแท้ และวิธีที่จะบ่มเพาะบำรุงมัน บทเรียนว่าด้วยความรักความเมตตาที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนนั้น ชัดเจน เป็นวิทยาศาสตร์ นำไปใช้ได้ และมีอานิสงส์ต่อเราทุกคน

ในสมัยพุทธกาล บรรดาผู้นับถือศาสนาพราหมณ์จะพากันสวดอ้อนวอนให้วิญญาณของพวกตนยามล่วงลับได้ขึ้นสู่พรหมวิมานไปสถิตร่วมอยู่กับพระพรหม วันหนึ่งมีพราหมณ์คนหนึ่งเอ่ยถามพระพุทธองค์ว่า...

 “ข้าพเจ้าจะทำอย่างไรดีเพื่อให้แน่ใจว่าหลังจากตายแล้วจะได้ไปอยู่ร่วมกับพระพรหม”

พระพุทธองค์ทรงตรัสตอบ

“ในฐานะที่พระพรหมทรงเป็นเทพแห่งความรัก ดังนั้นหนทางที่จะเข้าถึงพระองค์ได้จึงต้องดำเนินตามครรลองของพรหมวิหาร อันได้แก่ เมตตา (หรือไมตรีในภาษาสันสกฤต) กรุณา มุทิตา และอุเบกขา (หรืออุเบกษาในภาษาสันสกฤต)”

วิหารก็คือที่สถิตหรือสถานพำนัก พรหมวิหารจึงหมายถึงองค์ประกอบทั้งสี่ประการของความรักที่แท้ อันเรียกว่าอัปปมัญญา เพราะถ้าเธอได้ฝึกปฏิบัติ มันก็จะงอกงามขึ้นในตัวเธอทุกวัน ๆ กระทั่งแผ่ครอบคลุมโลกทั้งมวลไว้ ทำให้เธอมีความสุขมากขึ้นจนคนรอบข้างจะพลอยเป็นสุขไปด้วย

ท่านนาคารชุน พุทธเมธีในสมัยศตวรรษที่สองเคยกล่าวไว้การฝึกจิตให้เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความเมตตา จะช่วยกำจัดความโกรธเกรี้ยวในจิตใจของสรรพสัตว์ การฝึกจิตให้เต็มเปี่ยมไปด้วยความกรุณาจะช่วยขจัดความทุกข์โศก และความว้าวุ่นในใจของสรรพสัตว์ การฝึกจิตให้เต็มเปี่ยมไปด้วยมุทิตาจะช่วยปัดเป่าความเศร้าหมองและเย็นชาในใจสรรพสัตว์ การฝึกจิตให้เต็มเปี่ยมไปด้วยอุเบกขาจะช่วยขจัดความเกลียดชัง โทสะ และความยึดมั่นถือมั่นในจิตใจของสรรพสัตว์

ถ้าเราได้เรียนรู้หนทางที่จะฝึกฝนความเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขาแล้ว เราก็จะรู้จักวิธีระงับความโกรธ ความทุกข์ ความเศร้า ความเกลียด ความกลัว ความอ้างว้าง และความยึดมั่นถือมั่นในทางที่ผิดได้ ในองฺคุตฺตรนิกาย พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า “ถ้าจิตใจเต็มไปด้วยความโกรธ ภิกขุก็สามารถปฏิบัติเมตตา กรุณา หรืออุเบกขา ภาวนาให้แก่ผู้ที่นำความโกรธมาสู่ตน”

อรรถกถาจารย์บางท่านได้กล่าวว่า พรหมวิหารไม่ถือเป็นคำสอนสูงสุดของพระพุทธองค์ อันจะนำไปสู่การขจัดความทุกข์โศกปริเทวะ นั่นเป็นคำกล่าวที่ไม่ถูกต้อง ครั้งหนึ่งพระพุทธองค์เคยตรัสแก่พระอานนท์ พระสาวกคนสนิทว่า 

“จงสอนพรหมวิหารสี่เหล่านี้ให้แก่บรรดาพระหนุ่มเถิด พวกเขาจะได้รู้สึกถึงความมั่นคงปลอดภัยและเบิกบานปราศจากซึ่งความทุกข์ทรมานทั้งทางกายใจ พร้อมจะอุทิศชีวิตดำเนินสู่หนทางที่บริสุทธิ์ของสมณะ”

อีกครั้งหนึ่งเมื่อบรรดาสาวกของพระพุทธองค์ ได้แวะไปเยี่ยมเยียนวิหารของอีกลัทธิหนึ่ง นักบวชที่นั่นถามว่า

“เราได้ยินมาว่าพระโคตมะ คุรุของพวกท่าน ทรงสอนพรหมวิหารสี่ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ครูของเราก็สอนเช่นนั้นเหมือนกัน ฉะนั้นแล้วจะมีอะไรต่างกันเล่า”

เหล่าสาวกของพระพุทธองค์ไม่รู้จะตอบเช่นไร พอกลับมาถึงวัด พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสแต่พวกเขา “ใครก็ตามที่ปฏิบัติพรหมวิหารสี่ ควบคู่ไปกับโพชฌงค์ ๗ (ธรรมที่เป็นองค์แห่งการตรัสรู้ – ผู้แปล) อริยสัจ ๔ และมรรค ๘ จะบรรลุถึงการรู้แจ้งได้” ความเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา เป็นสภาวะธรรมที่แท้ของอริยบุคคล ซึ่งมีอยู่ในตัวเราทุกคนและทุก ๆ สิ่ง

คัดลอกจาก : http://www.oknation.net/blog/vanessa

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม