Buddhist proverb 3 บุคคลวรรค - หมวดบุคคล |
บุคคลวรรค - หมวดบุคคล
สาธุ โข ปณฺฑิโต นาม
ชื่อว่าบัณฑิตย่อมทำประโยชน์ให้สำเร็จได้แล
สํ.ส. ๑๕/๘๒๕
ปฌฺฑิโต สีลสมฺปนฺโน ชลํ อคฺคีว ภาสติ
บัณฑิตผู้สมบูรณ์ด้วยศีล ย่อมรุ่งเรืองเหมือนไฟสว่าง
ที.ปา. ๑๑/๑๙๗
อนตฺถํ ปริวชฺเชติ อตฺถํ คณฺหาติ ปณฺฑิโต
บัณฑิตย่อมเว้นสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ถึงเอาแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์
องฺ.จตุกฺก ๒๑/๔๒
ทนฺโต เสฎฺโฐ มนุสฺเสสุ
ในหมู่มนุษย์ ผู้ฝึกตนแล้วเป็นผู้ประเสริฐสุด
ขุ.ธ. ๒๕/๓๓
กุสโล จ ชหาติ ปาปกํ
คนฉลาดย่อมละบาป
ขุ.อุ. ๒๕/๑๖๘
นยํ นยติ เมธาวี
คนมีปัญญา ย่อมแนะนำทางที่ควรแนะนำ
ขุ.ชา.ทุก. ๒๗/๑๘๑๙
ธีโร โภเค อธิคมฺม สงฺคณฺหาติ จ ญาตเก
ผู้มีปรีชาได้โภคะแล้ว ย่อมสงเคราะห์หมู่ญาติ
ขุ.ชา. ๒๗/๙๓๖
สนฺโต น เต เย น วทนฺติ ธมฺมํ
ผู้ใดไม่พูดเป็นธรรม ผู้นั้นไม่ใช่สัตบุรุษ
สํ.ส. ๑๕/๗๒๕
สนฺโต สตฺตหิเต รตา
สัตบุรุษยินดีในการเกื้อกูลสัตว์
ชาตฏฺฐกถา ๑/๒๓๐
ทูเร สนฺโต ปกาเสนฺติ หิมวนฺโตว ปพฺพโต
สัตบุรุษทั้งหลายย่อมปรากฏได้ในที่ใกล เหมือนภูเขาหิมพานต์
ขุ.ธ. ๒๕/๓๑
สนฺโต สคฺคปรายนา
สัตบุรุษมีสวรรค์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า
ขุ.ชา. ๒๗/๑๔๔๘
อุปสนฺโต สุขํ เสติ
ผู้สงบใจได้ ย่อมนอนเป็นสุข
ขุ.ชา.มหา. ๒๘/๔๑๕
สตญจ คนฺโธ ปฏิวาตเมติ
กลิ่นของสัตบุรุษย่อมหอนทวนลมได้
ขุ.ธ. ๒๕/๑๔
โย พาโล มญฺญติ พาลฺยํ ปณฺฑิโต วาปิ เตน โส
คนซึ่งรู้สึกตนว่าโง่ จะเป็นผู้ฉลาดเพราะเหตุนั้นได้บ้าง
ขุ.ธ. ๒๕/๑๕
อสนฺเตตฺถ น ทิสฺสนฺติ รตฺติขิตฺตา ยถา สรา
อสัตบุรุษ แม้นั่งอยู่ในที่นี้เองก็ไม่ปรากฎ เหมือนลูกศรที่ยิงไปกลางคืน ฉะนั้น
ขุ.ธ. ๒๕/๓๑
อสนฺโต นิรยํ ยนฺติ
อสัตบุรุษย่อมไปนรก
สํ.ส. ๑๕/๙๐
สุวิชาโน ภวํ โหติ
ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ
ขุ.สุ. ๒๕/๓๐๔
ครุ โหติ สคารโว
ผู้เคารพย่อมมีผู้เคารพตอบ
ขุ.ชา. ๒๘/๔๐๑
วนฺทโก ปฎิวนฺทนํ
ผู้ไหว้ย่อมได้รับไหว้ตอบ
ขุ.ชา. ๒๘/๔๐๑
เนกาสี ลภเต สุขํ
ผู้กินคนเดียวไม่ได้ความสุข
ขุ.ชา. ๒๗/๑๖๗๔
นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต
คนไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก
ขุ.ธ. ๒๕/๒๗
อติติกฺโข จ เวรวา
คนแข็งกระด้างก็มีเวร
ขุ.ชา. ๒๗/๑๗๐๓
น อุชุภูตา วิตถํ ภณนฺติ
คนตรงไม่พูดคลาดความจริง
ขุ.ชา. ๒๗/๕๐๓
อาหุเนยฺยา จ ปุตฺตานํ
มารดาบิดาเป็นที่นับถือของบุตร
ขุ.อิติ. ๒๕/๒๘๖
ปุพพาจริยาติ วุจฺจเร
มารดาบิดาท่านว่าเป็นบูรพาจารย์ (ของบุตร)
องฺ.ติก. ๒๐/๑๖๘
ภตฺตา ปญฺญาณมิตฺถิยา
สามีเป็นเครื่องปรากฏของสตรี
สํ.ส. ๑๕/๕๗
สุสฺสูสา เสฏฺฐา ภริยานํ
บรรดาภริยาทั้งหลาย ภริยาผู้เชื่อฟัง เป็นผู้ประเสริฐ
สํ.ส. ๑๕/๑๐
โย จ ปุตฺตา นมสฺสโว
บรรดาบุตรทั้งหลาย บุตรผู้เชื่อฟังเป็นผู้ประเสริฐ
สํ.ส. ๑๕/๑๐
คุณวา จาตฺตโน คุณ
ผู้มีความดี จงรักษาความดีของตนไว้
ขุ.ชา.สตฺตก. ๒๗/๒๑๒
อจฺจยํ เทสยนฺตีนํ โย เจ น ปฎิคณฺหติ
โกปนฺตโร โทสครุ ส เวรํ ปฎิมจฺจติ
เมื่อเขาขอโทษ ถ้าผู้ใดมีความขุ่นเคือง
โกรธจัด ไม่ยอมรับ ผู้นั้นชื่อว่า หมกเวรไว้
สํ.ส. ๑๕/๑๑๐
เอวํ กิจฺฉาภโต โปโส ปิตุ อปริจารโก
ปิตริมิจฺฉาจริตฺวาน นิรยํ โส อุปปชฺชติ
ผู้ที่มีมารดาบิดาเลี้ยงมาได้โดยยากอย่างนี้
ไม่บำรุงมารดาบิดา ประพฤติผิดในมารดาบิดา ย่อมเข้าถึงนรก
ขุ.ชา. ๒๘/๑๖๒
เตชวาปิ หิ นโร วิจกฺขโณ สกฺกโต พหุชนสฺส ปูชิโต
นารีนํ วสงฺคโต น ภาสติ ราหุนา อุปหโตว จนฺทิมา
ถีงเป็นคนมีเดช มีปัญหาเฉียบแหลม อันคนเป็นอันมากสักการบูชา
อยู่ในอำนาจสตรีเสียแล้วย่อมไม่รุ่งเรือง เหมือนพระจันทร์ถูกพระราหูบังฉะนั้น
ขุ.ชา. ๒๘/๓๑๓
ทูเร สนฺโต ปกาเสนฺติ หิมวนฺโตว ปพฺพโต
อสนฺเตตฺถ น ทิสฺสนฺติ รตฺติขิตฺตา ยถา สรา
สัตบุรุษทั้งหลายย่อมปรากฎได้ในที่ใกล เหมือนภูเขาหิมวันต์
อสัตบุรุษทั้งหลายถึงในที่นี้ก็ไม่ปรากฏ เหมือนลูกศรที่ยิงไปกลางคืน ฉะนั้น
ขุ.ชา. ๒๘/๓๑๓
ธีโร โภเค อธิคมฺม สงฺคณฺหาติ จ ญาตเก
เตน โส กิตฺตึ ปปฺโปติ เปจฺจ สคฺเค ปโมทติ
ผู้มีปรีชาได้โภคะแล้ว ย่อมสงเคราะห์หมู่ญาติ
เพราะการสงเคราะห์นั้น เขาย่อมได้เกียรติ ละไปแล้วย่อมบันเทิงในสวรรค์
ขุ.ชา. ๒๗/๙๓๖
มธุวา มญฺญตี พาโล ยาว ปาปํ น ปจฺจติ
ยทา จ ปจฺจตี ปาปํ อถ ทุกฺขํ นิคจฺฉติ
ตราบเท่าที่บาปยังไม่ให้ผล คนเขลายังเข้าใจว่ามีรสหวาน
แต่บาปให้ผลเมื่อใด คนเขลาย่อมประสบทุกข์เมื่อนั้น
ขุ.ธ. ๒๕/๑๕
ยสฺส ปาปํ กตํ กมฺมํ กุสเลน ปิถียติ
โสมํ โลกํ ปภาเสติ อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา
ผู้ใดทำกรรมชั่วแล้ว ละเสียได้ด้วยกรรมดี
ผู้นั้นย่อมยังโลกให้สว่าง เหมือนพระจันทร์พ้นจากเมฆ
ม.ม. ๑๓/๕๓๔
ยสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย นิสีเทยฺย สเยยฺย วา
น ตสฺส สาขํ ภญฺเชยฺย มิตฺตทุพฺโพ หิ ปาปโก
บุคคลนั่งหรือนอน (อาศัย) ที่ร่มเงาตันไม้ใด
ไม่ควรรานกิ่งต้นไม้นั้น เพราะผู้ประทุษร้ายมิตร เป็นคนเลวทราม
ขุ.เปต. ๒๖/๑๐๖
โย มาตรํ ปิตรํ วา มจฺโจ ธมฺเมน โปสติ
อิเธว นํ ปสํสนฺติ เปจฺจ สคฺเค ปโมทติ
ผู้ใดย่อมเลี้ยงมารดาบิดาโดยธรรม
บัณฑิตย่อมสรรเสริญผู้นั้นในโลกนี้ เขาละไปแล้ว ย่อมบันเทิงในสวรรค์
ขุ.ชา. ๒๘/๕๒๒
อกฺโกธโน อนุปนาหี อมกฺขี สุทฺธตํ คโต
สมฺปนฺนทิฏฺฐิ เมธาวี ตํ ชญฺญา อริโย อิติ
ผู้ใดไม่โกรธ ไม่ผูกโกรธ ไม่ลบหลู่ ถึงความหมดจด
มีทิฏฐิสมบูรณ์ มีปัญญา, พึงรู้ว่าผู้นั้นเป็นอริยะ
(สารีปุตฺตเถร) ขุ.ปฏิ. ๓๑/๒๔๑
อนาคตปฺปชปฺปาย อตีตสฺสานุโสจนา
เอเตน พาลา สุสฺสนฺติ นโฬว หริโต ลุโต
คนเขลาย่อมซูบซีด เพราะคำนึงถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง
เพราะเศร้าโศกถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว เหมือนต้นอ้อสดที่ถูกตัด
สํ.ส. ๑๕/๗
อนุทฺธโต อจปโล นิปโก สํวุตินฺทฺริโย
กลฺยาณมิตฺโต เมธาวี ทุกฺขสฺสนฺตกโร สิยา
คนฉลาด ไม่ฟุ่งซ่าน ไม่คลอนแคลน มีปัญญา
สำรวมอินทรีย์ มีมิตรดี พึงทำที่สุดทุกข์ได้
(อญฺญาโกณฺฑญฺญเถร) ขุ.เถร. ๒๖/๓๖๖
อปฺปสฺสาทา ทุกฺขา กามา อิติ วิญฺญาย ปณฺฑิโต
อปิ ทิพฺเพสุ กาเมสุ รตึ โส นาธิคจฺฉติ
กามทั้งหลายมีความยินดีน้อย มีทุกข์มาก,
บัณฑิตรู้ดังนี้แล้ว ไม่ใยดีในกามแม้เป็นทิพย์
ขุ.ธ. ๒๕/๔๐
อโยเค ยุญฺชมตฺตานํ โยคสฺมิญฺจ อโยชยํ
อตฺถํ หิตฺวา ปิยคฺคาหี ปิเหตตฺตานุโยคินํ
ผู้ประกอบตนในสิ่งที่ไม่ควรประกอบ และไม่ประกอบตนในสิ่งควรประกอบ
ละประโยชน์เสีย ถือตามชอบใจ ย่อมกระหยิ่มต่อผู้ประกอบตนเนืองๆ
ขุ.ธ. ๒๕/๔๓
อสตญฺจ สตญฺจ ญตฺวา ธมฺมํ อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จ สพฺพโลเก
เทวมนุสฺเสหิ จ ปูชิโต โย โส สงฺคชาลมติจฺจ โส มุนิ
ผู้ใดรู้ธรรมของอสัตบุรุษและของสัตบุรุษ ทั้งภายใน ทั้งภายนอก
มีเทวดาและมนุษย์บูชาในโลกทั้งปวง ผู้นั้นจึงล่วงข่ายคือเครื่องข้องได้ และเป็นมุนี
ขุ.สุ. ๒๕/๔๓๒, ขุ.มหา. ๒๙/๔๐๖
อากาเสว ปทํ นตฺถิ สมโณ นตฺถิ พาหิโร
สงฺขารา สสฺสตา นตฺถิ นตฺถิ พุทฺธานมิญฺชิตํ
สมณะภายนอกไม่มี, สังขารเที่ยงไม่มี,
ความหวั่นไหวของพระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่มี, เหมือนรอยเท้าไม่มีในอากาศ
ขุ.ธ. ๒๕/๔๙
อุฏฺฐานวโต สตีมโต สุจิกมฺมสฺส นิสมฺมการิโน
สญฺญตสฺส จ ธมฺมชีวิโน อปฺปมตฺตสฺส ยโสภิวฑฺฒติ
เกียรติยศย่อมเจริญแก่ผู้ขยัน มีสติ มีการงานสะอาด
ใคร่ครวญแล้วจึงทำ สำรวมแล้ว เป็นอยู่โดยธรรม และไม่ประมาท
ขุ.ธ. ๒๕/๑๘
ชยํ เวรํ ปสวติ ทุกฺขํ เสติ ปราชิโต
อุปสนฺโต สุขํ เสติ หิตฺวา ชยปราชยํ
ผู้ชนะย่อมก่อเวร ผู้แพ้ย่อมนอนเป็นทุกข์
คนละความชนะและความแพ้ได้แล้ว สงบใจได้ ย่อมนอนเป็นสุข
ขุ.ชา.มหา. ๒๘/๔๑๕
ตสฺมา สตญฺจ อสตญฺจ นานา โหติ อิโต คติ
อสนฺโต นิรยํ ยนฺติ สนฺโต สคฺคปรายนา
(เพราะธรรมของสัตบุรุษยากที่อสัตบุรุษจะประพฤติตาม)
คติที่ไปจากโลกนี้ของสัตบุรุษและอสัตบุรุษจึงต่างกัน, คืออสัตบุรุษไปนรก, สัตบุรุษไปสวรรค์
ขุ.ชา.มหา. ๒๘/๔๑๕
ตสฺมา หิ ธีโร อิธุปฏฺฐิตาสติ กาเม จ ปาเป จ อเสวมาโน
สหาปิ ทุกฺเขน ชเหยฺย กาเม ปฏิโสตคามินี ตมาหุ ปุคฺคลํ
เพราะนักปราชญ์มีสติตั้งมั่นในธรรมวินัยนี้ ไม่เสพกามและบาป
พึงละกามทั้งทุกข์ได้ ท่านจึงกล่าวบุคคลนั้นว่า ผู้ไปทวนกระแส
องฺ.จตุกฺก. ๒๑/๗
ทุทฺททํ ททมานานํ ทุกฺกรํ กมฺมกุพฺพตํ
อสนฺโต นานุกุพฺพนฺติ สตํ ธมฺโม ทุรนฺวโย
เมื่อสัตบุรุษให้สิ่งที่ให้ยาก ทำกรรมที่ทำได้ยาก, อสัตบุรุษย่อมทำตามไม่ได้
เพราะธรรมของสัตบุรุษยากที่อสัตบุรุษจะประพฤติตาม
(โพธิสตฺต) ขุ.ชา.ทุก. ๒๗/๖๓
น ชจฺจา วสโล โหติ น ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ
กมฺมุนา วสโล โหติ กมฺมุนา โหติ พฺราหฺมโณ
บุคคลเป็นคนเลวเพราะชาติก็หาไม่ เป็นผู้ประเสริฐเพราะชาติก็หาไม่
(แต่) เป็นคนเลวเพราะการกระทำ เป็นผู้ประเสริฐก็เพราะการกระทำ
ขุ.สุ. ๒๕/๓๕๒
นิฏฺฐํ คโต อสนฺตาสี วีตตณฺโห อนงฺคโณ
อจฺฉินฺทิ ภวสลฺลานิ อนฺติโมยํ สมุสฺสโย
บุคคลถึงความสำเร็จแล้ว (พระอรหันตผล) ไม่สะดุ้ง ปราศจากตัณหา
ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วยวน ตัดลูกศรอันจะนำไปสู่ภพได้แล้ว ร่างกายจึงชื่อว่า มีในที่สุด
ขุ.ธ. ๒๕/๖๓
ยมฺหิ สจฺจญฺจ ธมฺโม จ อหึสา สญฺญโม ทโม
ส เว วนฺตมโล ธีโร โส เถโรติ ปวุจฺจติ
ผู้ใดมีความสัตย์ มีธรรม มีความไม่เบียดเบียน มีความสำรวม และมีความข่มใจ
ผู้นั้นแล ชื่อว่า ผู้มีปัญญา หมดมลทิน เขาเรียกท่านว่า เถระ
ขุ.ธ. ๒๕/๕๐
ยทา ทุกฺขํ ชรามรณนฺติ ปณฺฑิโต อวิทฺทสู ยตฺถ สิตา ปุถุชชนา
ทุกฺขํ ปริญฺญาย สโต ว ฌายติ ตโต รตึ ปรมตรํ น วินฺทติ
เมื่อใด บัณฑิตรู้ว่า ชราและมรณะเป็นทุกข์ กำหนดรู้ทุกข์ซึ่งเป็นที่อาศัยแห่งปุถุชน
มีสติเพ่งพินิจอยู่ เมื่อนั้น ย่อมไม่ประกอบความยินดีที่ยิ่งกว่านั้น
(ภูตเถร) ขุ.เถร. ๒๖/๓๔๔
เย เกจิ กาเมสุ อสญฺญตา ชนา อวีตราคา อิธ กามโภคิโน
ปุนปฺปุนํ ชาติชรูปคา หิ เต ตณฺหาธิปนฺนา อนุโสตคามิโน
คนบางพวกเหล่าใด ไม่สำรวมในกาม ยังไม่ปราศจากราคะ เป็นผู้บริโภคกามในโลกนี้,
คนเหล่านั้นถูกตัณหาครอบงำ ลอยไปตามกระแส (ตัณหา) ต้องเป็นผู้เข้าถึงชาติชราร่ำไป
องฺ.จตุกฺก. ๒๑/๗
เย จ โข พาลา ทุมฺเมธา ทุมฺมนฺตี โมหปารุตา
ตาทิสา ตตฺถ รชฺชนฺติ มารกฺขิตฺตสฺมิ พนฺธเน
คนเหล่าใดเขลา มีปัญญาทราม มีความคิดเลว ถูกความหลงปกคลุม,
คนเช่นนั้น ย่อมติดเครื่องผูกอันมารทอดไว้นั้น
(นนฺทกเถร) ขุ.เถร. ๒๖/๓๑๒
เย จ สีเลน สมฺปนฺนา ปญฺญายูปสเม รตา
อารกา วิรตา ธีรา น โหนฺติ ปรปตฺติยา
ผู้มีปัญญาเหล่าใด ประกอบด้วยศีล ยินดีในความสงบด้วยปัญญา
ผู้มีปัญญาเหล่านั้น เว้นไกลจากความชั่วแล้ว ไม่ต้องเชื่อผู้อื่น
(โพธิสตฺต) ขุ.ชา.จตุกฺก. ๒๗/๑๔๓
เย ฌานปสุตา ธีรา เนกฺขมฺมูปสเม รตา
เทวาปิ เตสํ ปิหยนฺติ สมฺพุทฺธานํ สตีมตํ
ผู้มีปัญญาเหล่าใด ขวนขวายในฌาน ยินดีในความสงบอันเกิดจากเนกขัมมะ
เทวดาทั้งหลายก็พอใจต่อผู้มีปัญญา ผู้รู้ดีแล้ว มีสติเหล่านั้น
ขุ.ธ. ๒๕/๓๙
โรสโก กทริโย จ ปาปิจฺโฉ มจฺฉรี สโฐ
อหิริโก อโนตฺตปฺปี ตํ ชญฺญา วสโล อิติ
ผู้ใดเป็นคนขัดเคือง เหนียวแน่น ปรารถนาลามก ตระหนี่
โอ้อวด ไม่ละอาย และไม่เกรงกลัวบาป พึงรู้ว่า ผู้นั้นเป็นคนเลว
ขุ.สุ. ๒๕/๓๕๑
โสจติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา โคมิโก โคหิ ตเถว โสจติ
อุปธีหิ นรสฺส โสจนา น หิ โส โสจติ โย นิรูปธิ
ผู้มีบุตรย่อมเศร้าโศกเพราะบุตร, ผู้มีโคย่อมเศร้าโศกเพราะโคเหมือนกัน,
นรชนมีความเศร้าโศกเพราะอุปธิ, ผู้ใด ไม่มีอุปธิ ผู้นั้น ไม่ต้องเศร้าโศกเลย
สํ.ส. ๑๕/๙
มหากรุณิโก นาโถ
ท่านผู้เป็นที่พึ่ง ประกอบด้วยกรุณายิ่งใหญ่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น