คำสอนว่าด้วยรัก :ท่าน ติช นัท ฮันห์
มุทิตา
องค์ประกอบที่สามของความรักที่แท้ก็คือมุทิตา ความรักที่แท้มักจะนำพาความยินดีเบิกบานมาสู่ตัวเราและคนที่เรารักเสมอ แต่ถ้าหากความรักของเรา ไม่อาจนำพาความยินดีเบิกบานมาให้ทั้งเราและเขาได้ก็ย่อมไม่ใช่ความรักที่แท้
อรรถกถาจารย์ได้อธิบายว่าความสุขนั้น เชื่อมโยงกับร่างกายและจิตใจ ขณะที่มุทิตาเชื่อมโยงกับจิตเป็นสำคัญ ดังตัวอย่างที่มักยกขึ้นมาแสดงว่า ดุจดังคนท่องไปในทะเลทราย เมื่อได้พบเห็นธารน้ำเย็นย่อมรู้สึกยินดีเบิกบาน และเมื่อได้ดื่มน้ำนั้น ย่อมเป็นสุข ทิฏฐธรรมสุขวิหาร หมายถึง...
“อยู่อย่างเป็นสุขกับปัจจุบันขณะ” เราจะไม่รีบเร่งไปสู่อนาคตข้างหน้า เพราะรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ ณ ปัจจุบันขณะ สิ่งละอันพันละน้อยมากมายสามารถนำพาความยินดีเบิกบานใหญ่หลวงมาสู่เราได้ อย่างเช่นการตระหนักรู้ว่าเรามีดวงตาที่ยังใช้การได้ดี เพียงแต่เราลืมตาขึ้น ก็จะได้เห็นท้องฟ้าสีคราม ดอกไม้สีม่วง ได้เห็นเด็ก ๆ ต้นไม้ รวมทั้งสิ่งอื่น ๆ ที่หลากหลายรูปทรงและสีสัน การอยู่อย่างมีสติจะทำให้เราได้สัมผัสกับสิ่งอันแช่มชื่น และมหัศจรรย์เหล่านี้ ทั้งยังทำให้จิตใจพลอยยินดีเบิกบานตามไปด้วย ความยินดีเบิกบานจึงเจือด้วยความสุข และความสุขก็เจือไปด้วยความยินดีเบิกบาน
อรรถกถาจารย์บางท่านกล่าวว่า มุทิตา หมายถึง “ความยินดีเบิกบานที่แบ่งปันร่วมกัน” หรือ “ความยินดีเบิกบานอันไม่เห็นแก่ตัว” เป็นความสุขที่เรารู้สึกเมื่อเห็นผู้อื่นเป็นสุข แต่นั่นเป็นความหมายที่จำกัดเดินไป เพราะมันแบ่งแยกระหว่างตัวเองกับผู้อื่น ความหมายที่ลึกซึ้งกว่าของคำว่ามุทิตา ก็คือความยินดีเบิกบานที่เจอไปด้วยความสงบและความพอเพียง เราชื่นบานเมื่อได้เห็นผู้อื่นมีความสุข ขณะเดียวกันตัวเราก็ชื่นบานไปกับความสุขของตนด้วย เราจะยินดีเบิกบานกับผู้อื่นได้อย่างไร หากเรามิได้รู้สึกอย่างนี้กับตนเอง ความยินดีเบิกบานจึงเป็นของทุก ๆ คน
คัดลอกจาก : http://www.oknation.net/blog/vanessa
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น